ไอเดียทำเว็บไซต์ ให้ตอบโจทย์โดนใจคน Gen Y Gen Z

ในปัจจุบันหลาย ๆ ธุรกิจเริ่มปรับตัวให้เข้ากับโลกออนไลน์ โดยการหันมา ทำเว็บไซต์ กันมากขึ้น ซึ่งแต่ละธุรกิจจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของกลุ่มเป้าหมาย เราจะปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบันกลุ่มคนรุ่นใหม่คือกลุ่มเป้าหมายที่หลาย ๆ ธุรกิจให้ความสนใจ วันนี้เราจึงมานำเสนอ ไอเดียทำเว็บไซต์ สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้กันค่ะ

ก่อนเริ่มต้น เราจะต้องเข้าใจพื้นฐานช่วงอายุของคนกลุ่มนี้กันก่อน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 Gen  ได้แก่

  1. Gen Y  คือคนที่เกิดในช่วงปีค.ศ. 1981-1996   ปัจจุบันคนกลุ่มนี้จะมีอายุเฉลี่ย 25 – 40 ปี  คนกลุ่มนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่วัยเริ่มต้นสู่การทำงาน ไปจนถึง วัยที่แต่งงาน มีลูก มีครอบครัวนี้  คนกลุ่มนี้ถือเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ตามผลการสำรวจจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  เผยว่ากลุ่มคน Gen Y ยังคงเป็นกลุ่มที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุด ลักษณะนิสัยจุดเด่นของคนกลุ่มนี้คือ ความรวดเร็ว ทันสมัย  สะดวกสบาย
  2. Gen Z  คือคนที่เกิดในช่วงปีค.ศ. 1997-2012   ปัจจุบันคนกลุ่มนี้จะมีอายุเฉลี่ย   9 – 24 ปี  คนกลุ่มนี้คือ กลุ่มคนที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี คนกลุ่มนี้จะมีตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงช่วงวัยมหาลัย ในปัจจุบันถึงแม้คนกลุ่มนี้จะมีกำลังในซื้อที่น้อย แต่กลุ่มคน Gen Z  ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนกลุ่มนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนแปลงมากมาย  Gen Z ยังคงเป็นกลุ่มที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Gen Y  ลักษณะนิสัยจุดเด่นของคนกลุ่ม Gen Z นี้คือ  การติดต่อสื่อสารใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก มีอิสระ เปิดรับกับสิ่งใหม่

ไอเดียทำเว็บไซต์ เพื่อวัยรุ่นยุคดิจิตอล

1. เข้าใช้งานได้ทุกอุปกรณ์   

กลุ่มคน 2 กลุ่มนี้เรียกได้ว่า อุปกรณ์ไอทีครบมือ ทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ ไอแพด เรียกได้ว่า ของมันต้องมี จึงไม่แปลกที่คนกลุ่มนี้จะสามารถเข้าใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าคุณอยากให้เว็บไซต์ของคุณตอบโจทย์ในข้อนี้  คุณจะต้องออกแบบเว็บไซต์โดยทำรูปแบบ Responsive Design  (Responsive Design คืออะไร อ่านบทความ คำศัพย์ที่ควรรู้ก่อนเป็นเจ้าของเว็บไซต์ คลิก)

  • Responsive Design จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าใช้งานได้ทุกอุปกรณ์โดยที่หน้าตาของเว็บไซต์จะเปลี่ยนไปตามขนาดของแต่ละขนาดหน้าจอ
  • แล้วถ้าไม่ทำ Responsive Design ได้ไหม ?  จริงๆแล้วหากไม่ทำ Responsive Design ก็ยังสามารถเข้าเว็บไซต์ได้ในทุกอุปกรณ์ แต่รูปแบบการแสดงผลจะไม่เหมาะกับขนาดหน้าจอของมือถือ หรือ ขนาดหน้าจอที่ไม่ได้ถูกออกแบบมา ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จึงเลี่ยงที่จะใช้งานเว็บรูปแบบนี้ ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่า เว็บไซต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมทำ Responsive Design กันมากขึ้นนั้นเอง นอกจากนี้ ข้อสำคัญคือ หากเว็บไซต์ไม่มีการทำ Responsive Design จะทำให้ Search Engine ตัดคะแนนในส่วนของ SEO ออกด้วย ซึ่งสำคัญมาก ๆ หากต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ บน Search Engine

2. ใช้งานก็ง่าย  จ่ายเงินก็สะดวก

ก่อนอื่นเลยคน 2 กลุ่มนี้ชอบอะไรที่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก รวมถึงการชำระเงินก็เช่นกัน ถ้าหากคุณทำเว็บไซต์ในรูปแบบ E-COMMERCE  แต่การชำระเงินนั้น ยุ่งยากซับซ้อน  คนกลุ่มนี้  Say Goodbye  กับเว็บไซต์คุณแน่นอน ดังนั้นจะทำเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ 2 ข้อนี้ คุณจะต้องคำนึงถึง 2 ส่วนนี้

  • การออกแบบที่คำนึงถึง UX/UI อธิบายง่าย ๆ ก็คือ คุณจะต้องออกแบบเว็บไซต์มาให้ผู้ใช้งานได้คล่องตัวมากที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างบนเว็บไซต์ จะส่งผลต่อผู้ใช้งานโดยตรง ขนาดของปุ่ม สีของตัวอักษร ตำแหน่งการวาง มี Call to Action ที่ชัดเจนเพราะทุกอย่างล้วนส่งผลต่อผู้ใช้งานทั้งสิ้น
  • เว็บไซต์รองรับ Payment Gateway   กลุ่มคน 2 กลุ่มนี้จะมีตัวเลือก รูปแบบการชำระเงินที่แตกต่างกัน ดังนั้นเว็บไซต์ของคุณควรมีตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น การโอนผ่านบัญชีธนาคาร , เชื่อมต่อกับ Mobile Banking หรือ ชำระผ่านบัตรเครดิต/เดรบิต  หากบนเว็บไซต์ของคุณเชื่อมต่อการชำระเงินได้โดยง่ายก็จะยิ่งตอบโจทย์การใช้งานของคนกลุ่มนี้ได้มากยิ่งขึ้น

3.มีจุดเด่น ลูกเล่นที่ทันสมัย น่าจดจำ

คุณ 2 กลุ่มนี้ จะชอบรูปแบบเว็บไซต์ที่ดูทันสมัย มีภาพกราฟฟิกประกอบที่เข้าถึงได้ง่าย แต่สิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ในการจดจำคือ CI

  • CI หรือ Corporate Identity คือการคิดและออกแบบเพื่อสร้างลักษณะเฉพาะของแบรนด์เพื่อสร้างทิศทางของแบรนด์ให้เป็นที่จดจำแก่เหล่าผู้บริโภค ซึ่งถ้าโดดเด่นมากพอและแสดงถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ลูกค้าก็จะจดจำและนึกถึงภาพแบรนด์ของเราไปได้ตลอด

4.ติดต่อกับผู้ให้บริการได้ในทันที

จริงๆแล้วเมื่อเข้าในเว็บไซต์นั้น เราก็จะเจอกับหน้า Contact  อย่างแน่นอนบนเว็บไซต์ ตัวอย่างการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล  เป็นต้น โดยพื้นฐานแล้วต้องเข้าใจว่าคน 2 กลุ่มนี้ บางคนไม่ชอบการพูดคุย แต่จะชอบการพิมพ์ข้อความคุยกันมากกว่า หากเลือกเป็นการติดต่อผ่านอีเมล ขั้นตอนเหล่านี้ก็จะค่อนข้างช้าไป ดังนั้น วิธีการตอบโจทย์สำหรับกลุ่มคนนี้ คือ

  • มีแถบแชทบนเว็บไซต์ (Chat) พร้อมตัวช่วย แชทบอท (Chat bot) ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลาย ๆ เว็บไซต์เพิ่มฟังก์ชั่นนี้เข้ามาเพื่อให้ติดต่อกับผู้ใช้งานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของ แชทบอท (Chat bot) นั้นก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้แอดมินสามารถเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างตรงประเด็น เพราะแชทบอทจะช่วยกรองคำถามที่ลูกค้าสงสัยให้แคบมากที่สุด
  • และอีก 1 ช่องทางการติดต่อคือ  Social media  ต่าง ๆ มากมายอาทิ Facebook , Line  ซึ่งเป็นสิ่งที่คน 2 กลุ่มนี้คุ้นชินกันอยู่แล้ว การมีสื่อออนไลน์เข้ามาเพิ่มป็นทางเลือกก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคดีๆ ที่เราอยากจะแนะนำให้คุณได้รู้ รวมถึงศึกษาสิ่งเหล่านี้เพิ่มเติม เพราะจริง ๆ แล้วนี้เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆน้อยๆเท่านั้น การ ทำเว็บไซต์ ยังมีเทคนิค ความรู้อีกมากมายที่เราอยากให้คุณได้เรียนรู้ว่า การทำเว็บไซต์นั้นมีอะไรมากกว่าแค่ หน้าเว็บเพจ 1 หน้า สุดท้ายแล้วหากคุณอยากได้ข้อมูลข่าวสารดีๆ จากเราสามารถดูได้ที่ www.codex.co.th  

บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ติดตามข่าวสาร ความรู้ใหม่ๆ ได้ที่นี่